48.ความเจริญด้านเศรษฐกิจสมัยธนบุรี -รัตนโกสินทร์
ความเจริญด้านเศรษฐกิจ
สมัยธนบุรี -รัตนโกสินทร์
สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ผลผลิตทางการเกษตร
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของไทยได้แก่ ข้าว อ้อย และพริกไทย
ข้าว
เป็นสินค้าที่จัดอยู่ในลำดับที่ 5 ของสินค้าที่ส่งออกมากตามลำดับ อันได้แก่
น้ำตาล ฝ้าย ไม้หอมและดีบุก ข้าวถือ น้ำตาล
เรื่องการผลิตน้ำตาลจากอ้อยนั้น ไทยสามารถผลิตน้ำตาลจากอ้อยได้
ตั้งแต่ต้นสมัยรัชกาลที่ 2 แล้ว พริกไทย
มีการส่งออกพริกไทยไปยังประเทศจีนประมาณปีละ 60,000 หาบ
2. ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ทำรายได้ให้กับแผ่นดินในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ ไม้ แร่ธาตุและสินค้าประเภทเหล็ก
3. การจัดเก็บภาษีอากร
ตั้งแต่
สมัยรัชกาลที่ 1-2 การจัดเก็บภาษีอากรยังคงมีลักษณะเหมือนกับสมัยอยุธยา
ภาษีอากรที่เรียกเก็บในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้แก่ อากรสุรา อากรบ่อนเบี้ย
อากรขนอนตลาด อากรค่าน้ำเก็บตามเครื่องมือ อากรสมพัตสร (อากรพืชล้มลุก)
อากรค่านา อากรสวน และส่วย ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 2
ประเภทของภาษีอากรประกอบด้วย จังกอบ อากร ส่วย ฤชา
ใน
สมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการแก้ไขการเก็บภาษีใหม่
เพื่อให้มีรายได้เพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้เพราะในสมัยนี้มีศึกสงครามกับข้าศึกภายนอกมาก ดังนั้นรัชกาลที่ 3
จึงได้ทรงตั้งภาษีอากรใหม่ถึง 38
4. สภาพการค้าขาย
การ
ค้าภายในประเทศ การค้าขายยังจัดอยู่ในขอบเขตจำกัด
เพราะเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นแบบเลี้ยงตนเอง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไทยได้ตกลงทำสนธิสัญญาเบาริงกับอังกฤษในปี 2398
สาระสำคัญของสนธิสัญญาเบาริง
- อังกฤษมีสิทธิตั้งกงสุลคอยดูแลผลประโยชน์และตั้งศาลกงสุลเพื่อชำระความคนในบังคับของอังกฤษ
- ให้ สิทธิการค้าเสรีแก่คนในบังคับอังกฤษทั่วทุกเมืองท่าของไทย และอาจจะเช่าซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทยได้ภายในเขต ไมล์จากกำแพงเมือง ถ้าเข้ามาอยู่ในเมืองไทยครบ 10 ปี
- ยก เลิกการเก็บค่าระวางปากเรือ แต่กำหนดภาษีขาเข้าตามราคาสินค้าในอัตราร้อยละชัก 3 ส่วนภาษีขาออกให้เก็บเพียงครั้งเดียว และไม่เก็บภาษีฝิ่น แต่ต้องนำมาขายให้แก่เจ้าภาษีเท่านั้น และถ้าเจ้าภาษีไม่ซื้อต้องนำออกไป
- รัฐบาลไทยมีสิทธิห้ามส่งข้าว เกลือ และปลาออกนอกประเทศได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องแจ้งให้กงสุลทราบข่าวล่วงหน้าเป็นเวลา 1 เดือน
รัชกาลที่ 6
ทรงพยายามที่จะปรับปรุงทางด้านเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาแทรกซ้อนเกิดขึ้น
จนมีผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจโดยส่วนรวม
ปัญหา
เหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 จนถึงรัชกาลที่ 7
ถึงแม้ว่ารัชกาลที่ 7 จะพยายามแก้ไขอย่างเต็มพระสติกำลัง
แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็มิได้กระเตี้ยงขึ้น
จนกลายเป็นเงื่อนไขทีก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น