57.การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยสมัยรัตนโกสินทร์
ใน
สมัยรัตนโกสินทร์นี้มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจ
สังคมและวัฒนธรรมที่โดดเด่นเกิดขึ้นมากมาย
ที่สำคัญยังเป็นยุคสมัยแห่งการปฏิรูปทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติ
ศาสตร์ชนชาติไทยเมื่อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ถูกแทนที่ด้วยระบอบราชาธิปไตย
ภายใต้รัฐธรรมนูญในการปฏิวัติสยาม ปีพ.ศ. 2475 ด้วย
การสร้างสรรค์ผลงานด้านภูมิปัญญาในสมัยรัตนโกสินทร์มีตัวอย่างพอสังเขป ดังนี้
1.
การสร้างราชธานีโดยคำนึงถึงความได้เปรียบทางด้านยุทธศาสตร์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
เนื่องจากทรงเล็งเห็นว่ากรุงธนบุรีเป็นเมืองอกแตกที่มีแม่น้ำผ่ากลาง
ทำให้ยากแก่การป้องกันรักษาพระนครเวลาข้าศึกบุก
ในขณะที่ทางฝั่งตะวันออกเป็นทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมเพราะเป็น
ที่หัวแหลม ถ้าสร้างเมืองแต่เพียงฟากเดียว
จะ
ได้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นคูเมืองทั้งด้านตะวันตกและด้านใต้
เพียงแค่ทำการขุดคลองอีก 2 ด้านก็จะได้คูเมืองทั้ง 4 ทิศ
นับเป็นกำแพงเมืองธรรมชาติสำหรับตั้งรับข้าศึกศัตรูในภาวะสงครามได้เป็น
อย่างดี
2.
การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธารามหรือวัด
โพธิ์ขึ้นเป็นอารามหลวงโดยให้ชื่อว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม”
และโปรดเกล้าฯให้รวบรวมจารึกตำรายา
ท่าฤาษีดัดตนและตำรับการนวดแผนโบราณไว้ตามศาลาราย
ส่งผลให้วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามได้รับการขนานนามให้เป็นสถานที่ที่เกี่ยว
ข้องกับการรักษาพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิสังขรณ์วันพระเชตุพนวิมล
มังคลารามอีกครั้งในรัชสมัยของพระองค์
นอกจากนี้ยังทรงอนุญาตให้มิชชั่นนารีจากสหรัฐอเมริกา
ภายใต้การนำของนายแพทย์แดน บีช แบรดลีย์ หรือที่คนไทยเรียกว่าหมอบรัดเลย์
นำการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามาเผยแพร่
ซึ่ง
หมอบรัดเลย์ได้ทำการผ่าตัดแผนใหม่และปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษสำเร็จเป็นครั้ง
แรกในประเทศไทย จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2431
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชได้โปรดเกล้าฯจัดตั้งโรงพยาบาล
ศิริราชขึ้นเพื่อทำการบำบัดรักษาผู้ป่วยไข้
โดยมีทั้งแพทย์แผนโบราณของไทยและแพทย์ฝรั่งร่วมทำการรักษาด้วย
3.
การสร้างพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงระดมช่างฝีมือซึ่งหลงเหลืออยู่ใน
เวลานั้นมาสร้างพระราชวังใหม่ที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นศูนย์กลางราชธานีโดยให้
เป็นไปตามแบบของกรุงศรีอยุธยายุครุ่งเรือง
อีกทั้งยังมีพระราชดำริให้สร้างพระอารามในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งได้แก่
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต
อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทยด้วย
4.
ความเฟื่องฟูทางวรรณกรรมและศิลปกรรม
รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้รับการยกย่องว่าเป็นยุคทอง
ของศิลปะรัตนโกสินทร์
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นกษัตริย์ผู้ทรงใฝ่พระทัยใน
งานศิลปะ ทั้งทางด้านวิจิตรศิลป์และวรรณคดี
นอกจากพระองค์จะทรงสร้างและบูรณะวัดวาอารามจำนวนมากแล้ว
ยังทรงพระอัจฉริยภาพในทางกวี โดยเฉพาะการแต่งบทละครทั้งละครในและละครนอก
พระราชนิพนธ์ชิ้นสำคัญของพระองค์ ได้แก่ บทละครเรื่องอิเหนาและรามเกียรติ์
ซึ่งทรงนำมาแต่งใหม่เพื่อให้ใช้ในการแสดงได้
นอกจากจะทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เองแล้ว
ยังได้ชื่อว่าเป็นองค์อุปถัมภ์บรรดาศิลปินและกวีด้วย
ยุคนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นยุคสมัยที่กวีนิพนธ์เจริญรุ่งเรืองสูงสุด
สำหรับกวีเอกคนสำคัญในรัชกาลของพระองค์ก็คือพระศรีสุนทรโวหาร (ภู่)
หรือที่คนไทยทั่วไปเรียกว่าสุนทรภู่
5.
การปฏิรูปการเมืองการปกครองแผ่นดิน
รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชถือเป็นยุคแห่งการ
เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศไทย
เนื่องจากพระองค์ได้ทรงปฏิรูปสังคมขนานใหญ่
ตั้งแต่ทรงยกเลิกระบบทาสและการเกณฑ์แรงงานไพร่
และหันมาใช้ระบบการเก็บภาษีรัชชูปการแทน
นอกจากนี้ยังทรงปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาคด้วยการยกเลิกระบบหัวเมืองแบบ
เก่า อันได้แก่ หัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอกและเมืองประเทศราช
โดยเปลี่ยนเป็นการจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลแทน
ระบบมณฑลเทศาภิบาลดังกล่าวส่งผลให้สยามกลายเป็นรัฐชาติที่มีเขตแดนชัดเจนแน่
นอน
และมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนับแต่สถาปนากรุงรัตน
โกสินทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น