36.ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) เป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีนโยบายว่าจะไม่เป็นพันธมิตรหรือต่อต้านกับขั้วอำนาจฝ่ายใด
เป็นผลสืบเนื่องจากแนวคิดของนายเยาวหราล เนห์รู นายก
รัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย, ญามาล อับดุลนาเซร์ อดีตประธานาธิบดีของอียิปต์
และยอซีป บรอซ ตีโต ประธานาธิบดีของยูโกสลาเวีย ดร.ซูการ์โน
ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ประธานาธิบดีควาเมห์ เอนครูมา แห่งกานา
ขบวน
การนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 1995 มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นนับถึงปี
ค.ศ. 2007 จำนวน 118 ประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนของจำนวนสมาชิกในสหประชาชาติถึง 2
ใน 3 และมีจำนวนประชากรรวม 55% ของประชากรทั้งโลก
ส่วนใหญ่แล้วเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า กลุ่มโลกที่สาม
กลุ่ม
ประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก่อตั้งเมื่อปี 1961
มีจุดเริ่มต้นมาจากการรวมตัวกันของผู้นำ 5 ประเทศ ได้แก่ พม่า ปากีสถาน
ศรีลังกา อินเดีย และอินโดนีเซีย
เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศในยุคสงครามเย็น
หลังจากนั้น
การประชุมได้ขยายวงกว้างออกไปสู่กลุ่มประเทศในทวีปเอเชียและแอฟริกาที่ได้
รับผลกระทบจากการตกเป็นอาณานิคม
ปัจจุบัน "นาม" (NAM)
มีสมาชิก 120 ประเทศ คือ เอเชียและแปซิฟิก 39 ประเทศ แอฟริกา 53 ประเทศ
ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 26 ประเทศ และยุโรปตะวันออก 2 ประเทศ
และมีผู้สังเกตการณ์อีก 17 ประเทศและองค์การ
โดยในปี พ.ศ. 2555 อิหร่านในฐานะประเทศเจ้าภาพจะทำหน้าที่ประธานกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด(ครั้งที่ 16) จนถึงปี ค.ศ. 2015
ขบวน
การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เกิดจากประชุมที่บันดุง ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี ค.ศ.
1955 ต่อมาได้มีการประชุมอย่างเป็นทางการที่ กรุงเบลเกรด
ประเทศยูโกสลาเวีย เมื่อปี ค.ศ. 1961 มีประเทศเข้าร่วมประชุม 29 ประเทศ
รวมประเทศไทยด้วย
ใน
การประชุมครั้งที่ 2 จำนวนสมาชิก เพิ่มเป็น 47 ประเทศ
ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศยากจน หรือประเทศในโลกที่สาม
มีการประชุมที่เมือง ไคโร ประเทศอิยิปต์
ครั้ง
ที่ 10 จัดขึ้นที่ กรุงจาการ์ตา มีสมาชิกเพิ่มเป็น 108 ชาติ
รวมเป็นกลุ่มที่มิได้ก่อตั้งเป็นรูปธรรมเหมือนองค์กรอื่นๆ
แต่จะมีความผูกพันในด้านคุณธรรมของสมาชิกที่มีความยึดมั่นต่อกัน
อยา
ตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
(นาม) ครั้งที่ 16 ที่กรุงเตหะราน ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555
มี
ผู้นำและตัวแทนจาก 50 ประเทศเข้าร่วม อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี
ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้
เพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาและแนวคิดใหม่ๆ
พร้อม
กับเน้นย้ำว่า อิหร่านจะไม่ผลิตอาวุธนิวเคลียร์
เนื่องจากเป็นบาปอันใหญ่หลวงและไม่สามารถให้อภัยได้
แต่จะไม่ละทิ้งสิทธิในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์
เพราะ
อาวุธนิวเคลียร์ไม่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและอำนาจทางการเมือง
แต่เป็นภัยต่อทั้ง 2 สิ่ง
และได้กล่าวถึงโครงสร้างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าไม่เป็นธรรม
ไม่สมเหตุสมผล และเอื้อให้สหรัฐแสดงพฤติกรรมอันธพาลบนเวทีโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น